บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกับความรู้
การจัดการความรู้ (Knowledge Management)
ความหมายของความรู้
" ความรู้เป็นข้อเท็จจริง (Facts) ความจริง (Truth) กฎเกณฑ์และโครงสร้างข้อมูลของสิ่งต่าง ๆ
ทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ที่มนุษย์ได้รวบรวมสะสมจากการศึกษา การค้นคว้า
จากประสบการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งความสามารถเชิงทักษะและการปฎิติบัติโดยต้องอาศัยความชัดเจนและต้องอาศัยเวลา
ความคิด ความเข้าใจ การปฎิบัติ "
ความหมายของความรู้ จากนักวิชาการท่านอื่น
Ikujiro
Nonaka (อิคูจิโร โนนากะ)
จำแนกประเภทของความรู้ออกเป็น
2 ประเภท คือ
1. ความรู้โดยนัย (Tacit Knowledge) คือ ความรู้ไม่ชัดแจ้ง
ความรู้ในตัวตน ความรู้ซ้อนเร้น ความรู้ฝังลึก ความรู้ที่เป็นนามธรรม เป็นต้น เป็นความรู้ที่ไม่เป็นทางการ
ไม่พิมพ์เป็นหนังสือหรือเว็บไซต์ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ การสังเกตและพรสวรรค์ที่แฝงอยู่ในตัวของแต่ละบุคคล
เป็นความรู้ที่มีคุณค่าสูง
2. ความรู้ที่ขัดแจ้ง (Explicit Knowledge) คือ ความรู้เด่นชัด ความรู้เปิดเผย ความรู้ที่ชัดเจน
ความรู้ที่เป็นรูปธรรม เป็นต้น เป็นความรู้เชิงทฤษี เป็นเหตุและผลที่ถ่ายทอดออกมาทางตัวหนังสือหรือเว็บไซต์
ที่แสดงออกมาโดยใช้ระบบสัญลักษณ์จึงสามารถสื่อสารและเผยแพร่ได้อย่างสะดวก
Hideo
Yamazaki (ฮิเดโอะ ยามาซากิ)
ได้อธิบายโครงสร้างความรู้ หรือระดับชั้นของความรู้ในรูปแบบของปิรามิด
จากรูปแสดงลำดับขั้นหรือฌครงสร้างของความรู้ ด้วยการแปลงข้อมูล (Data) ที่เป็นข้อมูลดิที่ยังไม่ผ่านการประมวลผลให้เป็นสารสนเทศ(Information)
ที่ผ่านกระบวนการเรียบเรียง ตีความ วิเคราะห์ ให้ความหมาย
ส่วนความรู้ (Knowledge) เกิดจากกระบวนการที่บุคคลรับรู้สารสรเทศผ่านกระบวนการคิดและเปรียบเทียบ
เชื่อมโยงกับความรู้ จนเกิดความเข้าใจและนำไปใช้จนเกิดเป็นปัญญา (Wisdom) ที่เป็นองค์กรความรู้ที่สามารถปฏิบัติได้จริงจากประสบการณื เกิดความคิดสร้างสรรค์หรือนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหา
Davenport and Prusak
ความรู้ หมายถึง
เป็นการผสมผสานส่วนประสมของกรอบประสบการณ์ คุณค่า สารสนเทศ ที่เป็นสภาพแวดล้อมและกรอบการทำงานสำหรับการประเมิน
และรวมกันของประสบการณ์และสารสนเทศใหม่มาผสมรวมกันจนเกิดการเผยแพร่เป็นความรู้
Peter Senge
แห่ง Massachusetts Institute of Technology กล่าวว่า
องค์กร แห่งการเรียนรู้ คือ สถานที่ซึ่งทุกคนสามารถขยายศักยภาพของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
สามารถสร้างผลงานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เป็นที่ซึ่งเกิดรูปแบบการคิดใหม่ ๆ
หลากหลาย มากมาย ที่ซึ่งแต่ละคนมีอิสระที่จะสร้างแรงบันดาลใจ
และเป็นที่ซึ่งทุกคนต่างเรียนรู้วิธีการ เรียนรู้ร่วมกัน
Peter Drucker
เป็นนักคิดที่บุกเบิกแนวคิดด้านการบริหารจัดการขององค์กรธุรกิจสมัยใหม่
ความพยายามที่จะเข้าใจความซับซ้อนต่างๆ ของสังคม และพยายามถอดสรุปสิ่งที่เข้าใจออกมาเป็นแนวคิดที่ได้จากประสบการณ์ด้านการปฏิบัติ
ทฤษฏีการบริหารจัดการ ประกอบด้วย
1. การวางแผน (Planning) เป็นการกำหนดหน้าที่การงานที่ต้องปฏิบัติ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ
โดยกำหนดว่าจะดำเนินการอย่างไรและดำเนินการเมื่อไร เพื่อให้สำเร็จตามแผนที่วางไว้
การวางแผนต้องครอบคลุมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
2. การจัดองค์การ (Organizing) เป็นการมอบหมายงานให้บุคลากรในแผนกหรือฝ่ายได้ปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนที่วางไว้
เมื่อแผนกหรือฝ่ายประสบความสำเร็จก็จะทำให้องค์การประสบความสำเร็จไปด้วย
3. การนำ (Leading) เป็นการจูงใจ
การชักนำ การกระตุ้นและชี้ทิศทางให้ดำเนินไปสู่การบรรลุเป้าหมาย
โดยการเพิ่มผลผลิตและเน้นมนุษยสัมพันธ์ทำเกิดระดับผลผลิตในระยะยาวที่สูงกว่าภาวะงาน
เพราะคนมักไม่ค่อยชอบภาวะงาน
4. การควบคุม (Controlling) เป็นภาระหน้าที่ของผู้บริหาร
ที่จะต้อง รวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินผลดำเนินงาน เปรียบเทียบผลงานปัจจุบันกับเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ ทำการตัดสินใจไปตามเกณฑ์หรือไม่
ประเวช วะสี
ได้ให้ความหมายว่า การจัดการให้มีการรับรู้ความจริง สร้างความรู้
สังเคราะห์ความรู้ให้เหมาะสมกับงาน
นำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงาน
มีการเรียนรู้ในการปฏิบัติ
มีการสร้างความรู้ในการปฏิบัติ
มีการประเมินผลการปฏิบัติ
มีการเอาผลการประเมินมาสู่การเรียนรู้ร่วมกัน
ยกระดับปัญญาของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เอาปัญยายกระดับกลับไปใช้ในการปฏิบัติงานอีก
วิจารณ์ พานิช
ได้ให้ความหมายของคำว่า “การจัดการความรู้”
ไว้ว่าสำหรับนักปฏิบัติ การจัดการความรู้ คือ เครื่องมือ
เพื่อการบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 4 ประการไปพร้อมๆ กัน ได้แก่
1) บรรลุเป้าหมายของงาน
2) บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคน
3) บรรลุเป้าหมายการพัฒนาองค์กรไปเป็นองค์กรเรียนรู้
4) บรรลุความเป็นชุมชน เป็นหมู่คณะ
ความเอื้ออาทรระหว่างกันในที่ทำงาน
ประพันธ์ ผาสุกยืด
ได้เสนอกรอบความคิดการจัดการความรู้แบบปลาทู (Tuna Model) เป็นกรอบความคิดอย่างง่ายในการจัดการความรู้ของสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม
(สคส.) โดยเปรียบเทียบการจัดการความรู้เสมือนปลาทูหนึ่งตัว
ซึ่งมีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ
1. ส่วนหัวปลา (Knowledge Vision : KV) คือ ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์ หรือทิศทางของการจัดการความรู้
2. ส่วนกลางลำตัว (Knowledge
Sharing : KS) คือ ส่วนของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
(Share and Learn)
3. ส่วนที่เป็นหางปลา (Knowledge
Assets : KA) คือ องค์ความรู้ที่องค์กรได้เก็บสะสมไว้เป็นคลังความรู้หรือขุมความรู้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น